พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค [3. ปัญญาวรรค] 1. มหาปัญญากถา 2. ปุคคลวิเสสนิทเทส
มีการพิจารณามากก็มี 2 จำพวก และพวกที่เป็นพระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี 2
จำพวก คือ พวกหนึ่งบรรลุสาวกบารมี พวกหนึ่งไม่บรรลุสาวกบารมี พวกที่
บรรลุสาวกบารมีเป็นผู้ประเสริฐวิเศษยิ่งกว่าพวกที่ไม่บรรลุสาวกบารมี และญาณ
ของผู้บรรลุสาวกบารมีนั้นย่อมแตกฉาน
บุคคลผู้บรรลุปฏิสัมภิทามี 2 จำพวก คือ พวกที่บรรลุปฏิสัมภิทา ถึงพร้อม
ด้วยความเพียรมาก่อนก็มี 2 จำพวก แม้พวกที่เป็นพหูสูตก็มี 2 จำพวก พวกที่
มากด้วยเทศนาก็มี 2 จำพวก พวกที่อาศัยครูก็มี 2 จำพวก พวกที่มีวิหารธรรม
มากก็มี 2 จำพวก พวกที่มีการพิจารณามากก็มี 2 จำพวก และพวกที่เป็น
พระอเสขะบรรลุปฏิสัมภิทาก็มี 2 จำพวก คือ พวกหนึ่งบรรลุสาวกบารมี พวกหนึ่ง
เป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้า พวกที่เป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐวิเศษยิ่ง
กว่าพวกที่บรรลุสาวกบารมีนั้น และญาณของผู้เป็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น
ย่อมแตกฉาน
เมื่อเทียบกับพระปัจเจกพุทธเจ้าและโลกพร้อมทั้งเทวโลก พระตถาคต-
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุปฏิสัมภิทา ทรงฉลาดในประเภท
แห่งปัญญา มีพระญาณแตกฉาน ทรงบรรลุถึงปฏิสัมภิทา ทรงบรรลุเวสารัชชญาณ
4 ทรงเป็นผู้ทรงทสพลญาณ ทรงเป็นบุรุษองอาจ ทรงเป็นบุรุษดุจราชสีห์ ฯลฯ
เหล่าบัณฑิต ผู้เป็นกษัตริย์ เป็นพราหมณ์ เป็นคหบดี เป็นสมณะ ผู้มีปัญญา
ละเอียด รู้วาทะของผู้อื่น เหมือนนายขมังธนูสามารถยิงเนื้อทราย ดุจจะเที่ยว
ทำลายทิฏฐิของผู้อื่นด้วยปัญญาของตน บัณฑิตเหล่านั้นพากันปรุงแต่งปัญหาเข้า
ไปหาพระตถาคตทูลถามปัญหาทั้งลี้ลับและปิดบัง ปัญหาเหล่านั้นที่พระผู้มีพระภาค
ทรงซักไซ้และตรัสแก้แล้ว เป็นปัญหามีเหตุให้ทรงแสดง ขณะนั้นพระผู้มีพระภาค
ทรงรุ่งเรืองยิ่งด้วยพระปัญญา เพราะทรงแก้ปัญหาเหล่านั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มี
พระภาคจึงทรงเป็นผู้เลิศ ทรงบรรลุปฏิสัมภิทา ดังนี้
มหาปัญญากถา จบ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค [3. ปัญญาวรรค] 2. อิทธิกถา
2. อิทธิกถา
ว่าด้วยฤทธิ์
[9] ฤทธิ์เป็นอย่างไร ฤทธิ์มีเท่าไร ภูมิแห่งฤทธิ์มีเท่าไร บาทแห่งฤทธิ์มีเท่าไร
บทแห่งฤทธิ์มีเท่าไร มูลแห่งฤทธิ์มีเท่าไร
ถาม : ฤทธิ์เป็นอย่างไร
ตอบ : ชื่อว่าฤทธิ์ เพราะมีสภาวะสำเร็จ
ถาม : ฤทธิ์มีเท่าไร
ตอบ : ฤทธิ์มี 10 อย่าง
ถาม : ภูมิแห่งฤทธิ์มีเท่าไร
ตอบ : ภูมิแห่งฤทธิ์มี 4 อย่าง ... บาทแห่งฤทธิ์มี 4 อย่าง ... บทแห่งฤทธิ์มี
8 อย่าง ... มูลแห่งฤทธิ์มี 16 อย่าง
ฤทธิ์ 10 อย่าง อะไรบ้าง คือ
1. ฤทธิ์ที่อธิษฐาน 2. ฤทธิ์ที่แสดงได้ต่าง ๆ
3. ฤทธิ์ที่สำเร็จด้วยใจ 4. ฤทธิ์ที่แผ่ไปด้วยญาณ
5. ฤทธิ์ที่แผ่ไปด้วยสมาธิ 6. ฤทธิ์ของพระอริยะ
7. ฤทธิ์ที่เกิดจากผลกรรม 8. ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ
9. ฤทธิ์ที่สำเร็จมาจากวิชชา
10. ชื่อว่าฤทธิ์ เพราะมีสภาวะสำเร็จด้วยการประกอบโดยชอบในส่วน
นั้น ๆ เป็นปัจจัย
ภูมิแห่งฤทธิ์ 4 อย่าง อะไรบ้าง คือ
1. ปฐมฌานเป็นภูมิเกิดจากวิเวก
2. ทุติยฌานเป็นภูมิแห่งปีติและสุข
3. ตติยฌานเป็นภูมิแห่งอุเบกขาและสุข
4. จตุตถฌานเป็นภูมิแห่งอุเบกขา